ผู้สนใจสมัครบัตรก็ต้องศึกษาข้อมูลบัตรที่ตรงกับความต้องการของตัวเอง
ผู้ให้บริการทำบัตรเครดิตที่รู้จักกันโดยทั่วไปก็คือธนาคารพาณิชย์เกือบทุกแห่งและทุกสาขา ซึ่งหากสนใจก็สามารถเดินเข้าไปติดต่อสอบถามได้เลย แต่ปัจจุบันนี้ มีบริการทำบัตรเครดิตด้วยวิธีที่ง่าย รวดเร็ว สะดวกสบายกว่านั้น นั่นก็คือบริการทำบัตรเครดิตแบบออนไลน์ นอกจากของธนาคารเจ้าของบัตรโดยตรงแล้ว ยังมีของตัวแทนและเอเจนท์ต่างๆ ด้วย
ความแตกต่างของการใช้บริการทำบัตรเครดิตออนไลน์กับธนาคารและเอเจนท์
ในการเลือกใช้ “บริการทำบัตรเครดิต”ออนไลน์ ถ้าใช้บริการผ่านเว็บไซต์ธนาคารโดยตรง ผู้สนใจสมัครบัตรก็ต้องศึกษาข้อมูลบัตรที่ตรงกับความต้องการของตัวเองมาก่อน แต่ถ้าสมัครผ่านบริการทำบัตรเครดิตของเอเจนท์ส่วนใหญ่จะมีการให้คำปรึกษาเรื่องรายละเอียดของบัตรและที่สำคัญคือการเปรียบเทียบบัตรเครดิตได้หลายๆธนาคาร เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับคุณมากที่สุด รวมถึงเรื่องของโปรโมชั่นสมัครบัตร ซึ่งอาจจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามโปรโมชั่นหลักของธนาคารเจ้าของบัตร
คุณสมบัติเบื้องต้นที่ผู้สนใจทำบัตรเครดิตควรทราบ
เงื่อนไขแรกที่สำคัญที่สุดก็คือรายได้ประจำต่อเดือนของผู้สมัคร โดยทั่วไปแล้วจะมีการแบ่งช่วงระดับรายได้ที่สามารถสมัครบัตรเครดิตประเภทที่แตกต่างกันได้ดังนี้
– 15,000-29,999 บาท สามารถสมัครบัตรเครดิตวีซ่าแบบทั่วไป ส่วนใหญ่วงเงินไม่เกิน 30,000 บาท
– 30,000-49,999 บาท สามารถสมัครบัตรเครดิตประเภทวีซ่าแพลทินัม มาสเตอร์แพลทินัม ที่เน้นสิทธิประโยชน์บางอย่างเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่วงเงินจะอยู่ที่ 50,000-100,000 บาท
– 50,000-150,000 บาทขึ้นไป นอกจากบัตรประเภทวีซ่าแพลทินัม มาสเตอร์แพลทินัม ก็จะเป็นบัตรเครดิตประเภท LUXE ที่มีสิทธิพิเศษมากมายและวงเงินตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป
ประเภทหลักๆของสิทธิประโยชน์บัตรเครดิต ส่วนใหญ่แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
– สะสมคะแนนเพื่อแลกของรางวัล
-มอบเครดิตเงินคืนเข้าบัญชี
-สะสมไมล์สำหรับเดินทางด้วยเครื่องบิน
-มอบส่วนลดหรือสิทธิพิเศษในการช้อปปิ้ง
เอกสารและหลักฐานที่ต้องเตรียมไว้สำหรับสมัครบัตรเครดิต โดยส่วนใหญ่จะใช้เอกสาร 4 อย่าง คือ
- สำเนาบัตรประชาชนของผู้สมัครบัตร
- หนังสือรับรองการทำงาน , หนังสือรับรองเงินเดือน หรือ สลิปเงินเดือนแบบคาร์บอน และธนาคารบางแห่งอาจขอสำเนาสลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3-6 เดือนด้วย
- สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร
- สำเนารายการเงินฝากถอนในบัญชีเงินฝาก (Bank Statement) ย้อนหลัง 6 เดือน- 1ปี สามารถติดต่อขอที่ธนาคารเจ้าของบัญชีโดยตรง โดยมีค่าใช้จ่าย 100-200 บาท
ก่อนจะเลือกสมัครบัตรเครดิตสักใบ ก็มีข้อมูลสำคัญที่ควรทราบและไม่ควรมองข้าม เช่น อัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตประเภทที่เลือก ควรเลือกที่อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด สอดคล้องกับรายได้ของตัวเอง ซึ่งสามารถเปรียบเทียบบัตรเครดิตก่อนเลือกได้ และระยะปลอดดอกเบี้ยก็เช่นกัน เพราะเป็นช่วงเวลาที่ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยถ้าผู้ถือบัตรชำระหนี้บัตรเครดิตเต็มจำนวน ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ผู้ให้บริการบัตรเครดิต ส่วนใหญ่มีระยะเวลาตั้งแต่ 45-55 วัน
หลังจากกรอกใบสมัครและยื่นหลักฐานการสมัครผ่านบริการทำบัตรเครดิตเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ รอการพิจารณา ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์หรือเร็วกว่านั้น แต่จะได้รับการอนุมัติหรือไม่นั้น ทางธนาคารที่เป็นผู้พิจารณาออกบัตรเครดิต จะต้องมั่นใจว่าผู้สมัครสามารถรับผิดชอบในการผ่อนชำระหนี้ได้โดยไม่กระทบต่อค่าใช้จ่ายประจำ การให้เครดิตเงินเป็นการให้คุณนำเงินไปใช้ก่อนโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ใดๆ มาทำการค้ำประกัน ธนาคารจึงต้องตรวจสอบประวัติด้วยอย่างละเอียดที่สุด เพื่อป้องกันการเกิดหนี้เสียในอนาคตซึ่งส่งผลเสียต่อธนาคาร
ดังนั้น ถ้าผู้สนใจสมัครบัตรเครดิตมั่นใจว่ามีความพร้อมและไม่เคยมีประวัติเสียมาก่อน ก็เพียงแค่รอให้ธนาคารตรวจสอบประวัติการเงินของคุณและเอกสารแสดงตัวตนต่างๆตามเงื่อนไขที่กำหนด หากคุณเป็นคนที่มีเกณฑ์ด้านรายได้ตรงตามข้อกำหนดคุณสมบัติของธนาคารบวกกับมีประวัติการผ่อนชำระเงินที่ดี ไม่ติดแบล็คลิสต์ในเครดิตบูโร ก็มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าสามารถเป็นเจ้าของบัตรเครดิตที่คุณต้องการได้